AI ใช้ทำอะไร ได้บ้าง ?

ความสามารถของระบบปัญญาประดิษฐ์ เราสามารถใช้ AI สร้างสรรค์อะไรได้บ้าง

เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก ที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กลายเป็นอีกส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของมนุษย์ไปแล้ว ไม่มีใครที่จะไม่พูดถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าว อีกทั้งถ้าหากว่าเราจะพูดว่าเราไม่สามารถตื่นเต้นอะไรเกี่ยวกับอนาคตที่มี AI มาเป็นตัวกำกับการใช้ชีวิตก็คงจะดูเป็นการโกหกตัวเอง ในฐานะครีเอทีฟ คุณอาจจะลองตั้งคำถามกับตัวเองได้เช่นกันว่า AI สามารถทำอะไรได้บ้าง

บทความนี้ จะพูดถึงความสามารถเชิงสร้างสรรค์ที่ AI สามารถทำได้ เพื่อทำให้คุณสามารถเพิ่มผลผลิตและจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ในตัวเองขึ้นมาได้

เอไอคืออะไร?

AI คือกระบวนการสอนหรือถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เข้าใจในวิธีการทำงานของมนุษย์ ทำให้คอมพิวเตอร์มีพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้อาจเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่สิ่งเล็กๆไปจนถึงกระบวนการขั้นตอนการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เช่นการออกแบบ process การประกอบหรือสร้างยานพาหนะ


แน่นอนว่า AI สามารถจำแนกระดับความสามารถของตัวเองออกมาในระดับต่างๆได้เหมือนกับมนุษย์ ไล่ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ไปจนถึงระดับขั้นสูง โดยในปัจจุบันนั้นซอฟต์แวร์ AI ส่วนมากจะใช้ Weak AI ซึ่งสิ่งนี้ถูกเรียกอีกอย่างว่า Machine Learning นั่นเอง

Machine Learning คืออะไร?

Machine Learning เป็นการเรียนรู้เชิงลึกของระบบคอมพิวเตอร์เอง เพื่อทำให้คอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลข้อมูลเฉพาะทางบางอย่างได้ ระบบ Machine Learning นี้สามารถระบุรูปแบบของข้อมูล และรับข้อมูลเชิงลึกเข้ามา โดยจากนั้นระบบคอมพิวเตอร์จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลและใช้ประสบการณ์ที่คอมพิวเตอร์เคยมีมาแล้วจากแหล่งข้อมูลชุดก่อนๆ มาใช้ในการทำงาน แทนที่จะอาศัยการเขียนโปรแกรมขึ้นมาใหม่


อัลกอริธึมเหล่านี้สามารถช่วยเหลือมนุษย์ได้มาก ความสามารถของ Machine Learning ก็คือมันสามารถแก้ไข หรือปรับแต่งเอาต์พุตที่มนุษย์ต้องการ ด้วยข้อมูลชุดใหม่ที่มีความทันสมัยที่จะแสดงผลออกมา อีกทั้งมันยังมีความสามารถในการเรียนรู้ในเทคโนโลยีต่างๆ ภาษาโปรแกรมต่างๆที่มากกว่าที่มนุษย์จะรับได้


เราขอยกตัวอย่างการใช้งาน ChatGPT ปกติการเก็บข้อมูลทุกๆอย่างที่มีขนาดความจุ 570 GB เป็นสิ่งเกินกว่าความสามารถของมนุษย์ที่จะเข้าใจในทุกสิ่งที่มันเก็บเอาไว้ได้ แต่ผลจากการฝึกให้ระบบคอมพิวเตอร์ใช้ Machine Learning จึงสามารถทำให้มันสามารถตอบคำถาม เรียบเรียงเรื่องราว และพูดคุยกับมนุษย์ให้มีความเข้าใจได้มากขึ้นด้วยตัวมันเอง เราจึงสามารถมองความสามารถอีกอย่างของ Machine Learning นี้ที่ทำอะไรในเชิงลึกและซับซ้อนได้ยิ่งขึ้นว่า Deep Learning นั่นเอง

Deep Learning คืออะไร

การเรียนรู้เชิงลึก หรือ Deep Learning คือการเรียนรู้ของคอมพิวเตอร์ ที่จะทำให้มันสามารถจัดการกับข้อมูลหลายๆประเภท เช่น รูปภาพหรือข้อความได้ด้วยตัวเอง โดยได้รับความช่วยเหลือหรือสั่งการเพียงเล็กน้อยจากมนุษย์ แนวคิดการทำงานของ Deep Learning คือมันจะใช้โครงข่ายประสาทเทียมในการคิดวิเคราะห์ เช่นเดียวกับไซแนปส์ในสมองของมนุษย์


แต่กระนั้นแล้ว โครงข่ายเหล่านี้ต้องผ่านการฝึกซ้อมในการทำงานเป็นเวลาหลายร้อยหรือหลายพันครั้ง เพื่อให้คอมพิวเตอร์ที่จะใช้วิธีการทำ Deep Learning สามารถทำความเข้าใจในคุณลักษณะข้อมูลที่ซับซ้อนได้ เมื่อได้รับการฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีแล้วนั้น AI จะสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เกี่ยวกับข้อมูลที่เจอได้ และใช้ความรู้นั้นในการตัดสินใจเกี่ยวกับข้อมูลใหม่ๆได้ ตัวอย่างเช่น AI จะสามารถระบุชนิดของ “กล้วย” ในทุกภาพที่มีผลไม้ประเภทกล้วยอยู่ได้ ว่านี่คือกล้วยสายพันธุ์ไหน เป็นกล้วยดิบหรือสุก หลังจากที่ AI ได้ผ่านการเรียนรู้ว่าผลไม้ประเภทกล้วยมีหน้าตาเป็นอย่างไร

AI ทำอะไรได้บ้าง

มาถึงตรงจุดนี้ เราได้เข้าใจถึงกระบวนการเรียนรู้ที่แทบไม่ต่างจากมนุษย์ของ AI กันมาแล้ว เราจึงจะสามารถใช้ AI ในการสร้างสรรค์ผลงานในหลายๆสาขาได้ง่ายมากขึ้น ราวกับมันเป็นตัวแทนของมนุษย์ โดยการสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆนี้เราสามารถเรียกได้อีกอย่างว่า Generative AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีอันน่าทึ่งที่ได้รวมผลการเรียนรู้ของ AI เพื่อสร้าง content ต่างๆได้เช่น ข้อความ รูปภาพ หรือกระทั่งการแต่งเสียงเพลงออกมา โดยไม่ต้องอาศัยตัวอย่างที่มีการระบุเอาไว้ล่วงหน้า และนี่คือตัวอย่างการใช้ Generative AI ในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ

1. การออกแบบและสร้างเสียงเพลงด้วย Mubert ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ AI ที่จะทำให้คุณสามารถแต่งเพลงออกมาได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างแบรนด์ในโซเชียลมีเดียของตัวเองเช่นใน YouTube ที่ต้องการเพลงประกอบคลิปที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และไม่ซ้ำแบบกับใคร ด้วยการพิมพ์คำสั่งอกมาเพียงไม่กี่อักขระเท่านั้น ก็สามารถสั่งให้ Mubert จัดการสร้างเสียงเพลงเฉพาะตัวของคุณออกมาได้

2. ใช้ซอฟต์แวร์ AI นามว่า Tykr คอยติดตามธุรกิจและการเงินของคุณ มันเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีผู้ดำเนินงานเพียงคนเดียว มันสามารถช่วยงานคุณได้ เพราะด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เลยทำให้ไม่จำเป็นต้องจ้างมนุษย์มาช่วยเหลืองานอีกต่อไป ไม่ว่าคุณต้องการจะทำอะไร อย่างเช่นการเขียนโพสต์บนบล็อก การจัดการตารางนัดหมายกับลูกค้า หรือหุ้นส่วน หรือกระทั่งการขอเคล็ดลับทางการเงิน Tykr ที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยของคุณ จะสามารถช่วยงานต่างๆ ตามที่กล่าวมาได้อย่างมากมาย.

3. การสร้างอวาตาร์ด้วย Lensa AI ตอนนี้ถือได้ว่า Lensa AI เป็นตัวสร้างรูปอวาตาร์ AI ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ต้องขอบคุณบริษัทอย่าง Picsart, Lensa AI และ Synthesia ที่จะทำให้คุณสามารถสร้างอวาตาร์แบบภาพนิ่งหรือวิดีโอออกมาได้ เหมาะสำหรับการออกแบบแบรนด์ หรือกำลังคิดที่จะออกแบบภาพนำเสนอโปรเจ็คต์ต่างๆที่เป็นมืออาชีพมากขึ้นให้กับบริษัทของคุณ หรือใช้ในการปรับแต่งอวาตาร์บนโซเชียลมีเดียของคุณก็ได้

ความสามารถของ AI ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ มันยังสามารถใช้ในเรื่อง Make Investments สำหรับช่วยเหลือนักลงทุนทั้งหลายก็ได้ กระทั่งเทคโนโลยีเกี่ยวกับเกมและหุ่นยนต์ (Robotic) ก็สามารถประยุกต์ใช้ผ่าน AI ได้ อย่างที่คุณจะใช้งานมันอย่างสร้างสรรค์เท่านั้น